(อ่านแล้ว 5329 ครั้ง)
วันที่ 12 ต.ค.2565 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัวในการแสดงความเห็นต่างกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมสอนแง่กฎหมายและหัวใจของความเป็นนักการเมืองมืออาชีพ โดยในเฟซบุ้ค นายสามารถได้โพสต์ข้อความว่า
ผมเองได้รับข้อมูลมาจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ส่งข้อมูลมาให้ผมว่า นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมาพูดว่า 'ธนาธร' เสนอนิรโทษกรรมคดี ม.112 ลั่น!การพูดถึงประเด็นปฏิรูปสถาบันฯเป็นเสรีภาพที่ทำได้ ไม่ใช่อาชญากรรม ผมได้ยินข้อความเนื้อหาอย่างนั้นแล้ว ผมรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง ที่คำพูดนี้จะออกมาจากปากคนที่จะขันอาสามาเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ทุกวันนี้ยุยงเป็นโย่งหลังไมค์ ให้น้องๆๆที่หลงเชื่อกระทำการมิบังควร จนพ่อแม่เด็กๆต้องเดือดร้อน พอสุดท้ายก็จะปัดสวะให้พ้นตัว โดยจะให้ออกกฏหมายนิรโทษกรรม คนที่ทำผิดมาตรา 112 ผมจึงรู้สึกว่า ถ้านายธนาธร จะปัดสวะให้พ้นตัวแบบนี้ อย่าอาสามาเป็นนักการเมืองเลย เพราะแสดงให้เห็นถึงการไร้ความเป็นผู้นำ และ ความรับผิดชอบ
ผมเองวันนี้จะเบิกเนตร เบิกสมองให้ นายธนาธร ได้รู้แจ้ง หูตาสว่าง แบบคนอื่นเขาบ้าง ทุกประเทศมีกฏหมายคุ้มครองประมุข และ ประธานาธิบดีของเขา ดังคำโบราณว่า บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏเมือง
ผมขอหยิบกฏหมายประเทศอังกฤษ โดยกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ที่สุดน่าจะเป็นพระราชบัญญัติความผิดอาญาฐานเป็นกบฏ ค.ศ. 1848 (Treason Felony Act 1848)
ความตามมาตราที่ 3 ของพระราชบัญญัตินั้นระบุใจความว่า การสนับสนุนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แม้จะทำอย่างสันติก็ตาม ถือเป็นความผิดอาญาโดยมีโทษจำคุกตลอดชีวิต
ส่วนในประเทศสวีเดน มีข้อมูลระบุว่า การดูหมิ่นกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์ยังเป็นความผิดทางอาญา โดยมีโทษถึง 4 ปี หรือ 6 ปี ถ้าเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง
ส่วนประเทศสเปน ก็มีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 490 ของประเทศสเปนระบุว่า บุคคลใดที่พูดจาให้ร้ายหรือหมิ่นประมาทกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท และสมาชิกราชวงศ์ จะถูกจำคุกระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี
ส่วนในประเทศเดนมาร์ก ในมาตรา 268 ของประมวลกฎหมายอาญา ระบุว่า บุคคลใดที่ว่าร้ายผู้อื่นโดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงอาจถูกจำคุกสูงสุด 2 ปี และระบุเพิ่มโดยมาตรา 115 ระบุว่า หากเป็นการว่าร้ายกษัตริย์ โทษดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าซึ่งเท่ากับว่าไม่เกิน 4 ปี ส่วนหากเป็นการกระทำต่อพระราชินีและรัชทายาทให้เพิ่มโทษดังกล่าวขึ้นครึ่งหนึ่งซึ่งก็คือไม่เกิน 3 ปี
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ระบุในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 111 ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1881 ระบุว่า ผู้ที่ดูหมิ่นกษัตริย์อาจถูกจำคุกได้สูงสุด 5 ปี ส่วนการดูหมิ่นพระราชินี รัชทายาท หรือคู่สมรสของรัชทายาท มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ตามมาตรา 112
และในประเทศกัมพูชาซึ่งอยู่ติดกับประเทศไทย ก็มีกฏหมายคุ้มครองโดยรัฐบาลกัมพูชาอนุมัติกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
ซึ่งแม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีบทลงโทษการข่มขู่ประมุขของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า กระทำการข่มขู่ประธานาธิบดีและข่มขู่เอาชีวิตหรือทำร้ายร่างกายผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งข้อหาข่มขู่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ถือเป็นข้อหาร้ายแรงมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,500,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนบาท)
ดังนั้นผมจึงหวังว่า นายธนาธร จะเลิกทำตัวเป็น โย่งหลังไมค์ ให้ข้อมูลที่ผิด สร้างความสับสนให้กับสังคมและเยาวชน ผมเองอยากให้นาย ธนาธร ทำตัวเหมือนองคุรีมาร ที่กลับตัวกลับใจ และ หันมาช่วยกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทย ที่ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 50
ผมจึงอยากฝากไปถึงนาย ธนาธร การจะเป็นนักการเมืองที่ดี ต้องกล้าพูดความจริง และ รับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนเอง ไม่ใช่เอะอะ ก็แก้กฏหมายนิรโทษกรรม มันแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ ผมหวังว่า นายธนาธร คงจะได้เห็นว่า กฏหมายมาตรา 112 ในประเทศไทยไม่ได้เป็นปัญหา เพราะทั่วโลกก็มีใช้บังคับ แต่ที่มีปัญหา เพราะมีคนบางกลุ่มต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบ อะไรบางอย่างหรือไม่ซึ่งผมเป็นคนนึงที่จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และ ผมมั่นใจว่า คนไทยทั้งประเทศก็คงไม่ยอมเช่นเดียวกัน