ติดตามข่าวท้องถิ่น ร้องทุกข์ชาวบ้าน ข่าวอาชญากรรม ข่าวสังคม การเมือง บันเทิง กีฬา และคอลัมน์ วิเคราะห์เจาะลึก รายการพากินพาเที่ยว รับงานอีเวนท์ออกสื่อทุกชนิด สมัครเป็นสมาชิกส่งข่าว ร้องทุกข์ และร้องเรียนได้ที่ pooth.pnn@gmail.com *ห้ามมิให้ผู้สื่อข่าวใช้จรรยาบรรณไปในทางไม่ถูกต้อง (บรรณาธิการบริหาร)
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567
บุรีรัมย์ ยายวัย 66 ปี ให้คนในหมู่บ้านโพสต์ขายตู้เย็นทรัพย์สินที่มีราคาที่สุดในบ้าน 1,000 บาท เพื่อต้องการเอาเงินมาจ่ายค่าไฟ 95 บาทค่าน้ำ 75 บาท ที่ถูกตัดไปแล้ว คนเห็นโพสต์ตามไปช่วยทันที
(อ่านแล้ว 5063 ครั้ง)
Share on Google+

วันที่ 22 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาได้มีเฟสบุ๊คชื่อ “แสนแสบ”โพสต์ภาพตู้เย็นประกาศขายในราคา 1,000 บาท แทนยายในหมู่บ้านที่ไม่มีโทรศัพท์ ระบุข้อความ”สงสารยาย”ที่ต้องการขายเพราะเอาไปจ่ายค่าไฟฟ้าที่ถูกตัดไปแล้วยอดบิล 95 บาทและค่าน้ำอีก 75 บาท ในเวลาต่อมาผู้โพสต์ได้ลบโพสต์ออกไป

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ พบว่าผู้ที่ประกาศขายตู้เย็นคือนางแพง ยี้รัมย์ อายุ 66 ปี อยู่เลขที่ 14 ม.10 ต.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และพบว่าได้ยกเลิกการขายตู้เย็นแล้ว หลังจากมีคนเห็นโพสต์มาช่วยเหลือด้วยการซื้อตู้เย็นแต่ไม่เอาของไป

และทราบต่อมาคนที่เข้าไปช่วยยายคือนางพรชิตา โคตรพัฒน์ อายุ 41 ปี อยู่เลขที่ 39/2 ม.10  ต.ละหาทราย อ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ โดยนายพรชิตา เล่าว่า เห็นโพสต์โผล่ขึ้นทางเพจของ อ.ละหานทราย รู้สึกเห็นใจและอยากเข้าไปช่วยทันที จึงเดินทางมาที่บ้านของยายและให้ผู้โพสต์ลบโพสต์ออกทันที จากที่มาเห็นแล้วเป็นครอบครัวที่น่าสงสารมาก เพราะยายต้องเลี้ยงหลานชายและหลานสาววัย 3 ขวบกับ 4 ขวบตามลำพัง เพราะพ่อเด็กติดคุก แม่เด็กไปทำงานต่างจังหวัดแต่ไม่ค่อยส่งเงินมาให้ทางบ้าน

เบื้องต้นได้เอาเงินมาซื้อตู้เย็นโดยการจ่ายให้ยายไปจำนวน 1,000 บาท แต่ไม่เอาตู้เย็น พร้อมกับซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาให้บางส่วน แต่ยังมีความเป็นห่วงเพราะตนจะต้องไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ จึงติดโซล่าเซลเพื่อเอาไว้ใช้ฉุกเฉินหากถูกตัดหม้อไฟอีก

นางแพง ยอมรับว่าใช้ชีวิตอยู่กับหลานด้วยความลำบาก ถูกตัดไฟแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งนานกว่า 1 สัปดาห์จึงจะหาเงินไปจ่ายค่าไฟได้ หรือต้องรอเบี้ยคนชราออกจึงจะได้จ่าย ช่วงเวลานั้นจะต้องหาเก็บผักบุ้งหลังห้องน้ำมาผัดกับเตาฟืนประทังให้หลานทั้งสองคนได้กิน

ที่ผ่านมาเคยมี อสม.มาดูบ้าง มีชาวบ้านมาดูบ้าง แต่ยังไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ ตอนนี้เป็นห่วงแค่หลาน ว่าหากตนเสียชีวิตไปแล้วจะอยู่อย่างไรเพราะพ่ออยู่ในเรือนจำ แม่ก็ไปทำงาน

 

เศรษฐกิจในประเทศ