(อ่านแล้ว 5141 ครั้ง)
วันที่ 10 กันยายน 2567 พันเอกปณต เขตต์สันเทียะ ทนายทีมกฎมายพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้ให้ความเห็นและวิเคราะห์กรณีกระแสข่าวที่ผิดและบิดเบือน ทำให้ประชาชนคิดว่ายกฟ้องทุกคดีชาญ พวงเพ็ชร์ ฟ้อง อบจ.ปทุม ยกเลิกคำสั่งใช้เงินคืน 44 ล้าน ที่ศาลปกครองเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ประชาชนมีความสับสนในเรื่องของข่าว ว่าคดีที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกดำเนินคดีที่ศาลทุจริตภาค1 ซึ่งจะตัดสินในวันที่ 17 กันยายนนี้ ถูกยกฟ้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง
พันเอกปณต เขตต์สันเทียะ กล่าวว่า เท่าที่ผมตามข่าวเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา ศาลปกครองได้มีการออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก และผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ท่านได้แถลงความเห็นในคดีว่าอย่างไร เท่าที่ทราบคดีนี้ เป็นคดีที่ซึ่งอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ถูก สตง.ชี้มูล กรณีเครื่องออกกำลังกายมีราคาสูงเกินกว่าความจริง ประมาณ 44 ล้านที่ต้องรับผิดชอบ ปรากฎว่าท่านนั้นถูกคำสั่งจาก สตง. คนที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เป็นเจ้าพนักงานทำละเมิดตามความเห็นของ สตง. ซึ่งความเห็นของ สตง.ก็เป็นส่วนหนึ่งในการส่งให้ ปปช.พิจารณาสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย แต่ที่มีข่าวออกไปว่ายกฟ้อง คือเป็นการยกฟ้องคำฟ้องของผู้ที่จะต้องรับผิดชอบเป็นจำนวนเงิน 44 ล้าน ไม่ใช่ว่ายกฟ้องว่าเขาไม่ผิด แต่ยกฟ้องเพราะเขาผิดแล้วเขาไปฟ้องต่อศาลปกครองว่าเขาไม่ผิดไม่ต้องรับผิดชอบ ศาลบอกว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นความผิด เขาจึงต้องรับผิดชอบ เท่าที่ทราบว่าเขาจะต่อสู้ในเรื่องของอายุความ ซึ่งอายุความก็ยังไม่ขาดอายุความ ยังอยู่ในอายุความ ก็เป็นการต่อสู้ในส่วนของผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ศาลก็มีความเห็นเบื้องต้นเอาผิด จึงแถลงคดี แต่สุดท้ายศาลก็ต้องมีคำพิพากษาออกมาอีกที ในวันที่ 24 หรือ 25 กันยายนนี้ แต่ตอนนี้เป็นความเห็นของผู้พิพากษาแถลงคดี เท่าที่ผมทราบจากข่าว คือเขาผิด และเขาต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการพิจารณาของศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่จะถึงนี้ ตรงนี้ท่านมองเป็นอย่างไรบ้าง
พันเอกปณต เขตต์สันเทียะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาศาลเคยบอกว่าตัดพยานคือไม่มีการสืบพยานโจทย์จำเลย จาก 3 วันเหลือ 2 วันนั้น เพราะว่าในสำนวนพอแล้ว สามารถพิจารณาได้แล้ว วันที่ 17 ก็คงมีคำพิพากษาออกมาเลย ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ถ้ากระทำความผิดตามฟ้องศาลก็พิจารณาทำโทษตามกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานฟังแล้วไม่มีความผิดตามฟ้อง ด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ศาลก็อาจจะพิพากษายกฟ้องได้ทั้ง 2 กรณี แต่ไม่ว่าจะเป็นยกฟ้องหรือลงโทษ ปปช.คู่ความก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้อยู่แล้ว ซึ่งถ้าวันที่ 17 ไม่มีคำพิพากษา จะต้องมีเหตุพอที่จะเลื่อนหรือไม่นั้น การพิจารณาคดีอาญาต้องทำต่อหน้าจำเลย เว้นแต่มีเหตุจำเป็นว่าจำเลยมีเหตุมาศาลไม่ได้ด้วยมีเหตุเจ็บป่วย ก็อาจจะมายื่นคำร้องขอศาลพิพากษา แต่ก็อยู่ในดุลพินิจของผู้พิพากษาว่ามีเหตุจะให้เลื่อนการพิจารณาไปจากการอ่านคำพิพากษาก็ได้
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่จะมีการเลื่อนพิจารณาคดีทุจริตในวันที่ 17 ก.ย. ออกไป จะเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ ที่เกี่ยวกับการวิ่งเต้น โดยมีผู้ใหญ่ของจังหวัดสระบุรีท่านหนึ่งที่มียอดเงินสูงถึง 40 ล้าน จะเกี่ยวข้องเป็นไปได้หรือไม่
ผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ น่าจะเป็นข่าวลือ หรือการปล่อยข่าวให้เป็นกระแสที่ไปพูดกันเอง ความยุติธรรมเมื่อมาถึงศาลแล้ว ผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อย่าว่าแต่ 40 ล้าน แม้แต่เงินล้าน 2 ล้าน มันเยอะ ต้องมีที่มาที่ไป ถ้ามีเรื่องอย่างนี้ ต้องรู้แล้วว่าใครรับเงินหรือไม่รับเงิน หรือมีการใช้เงินตรงนี้ ก็มีแต่ข่าว แต่ผมเชื่อมั่นในความยุติธรรม และในความเป็นศาล โดยเฉพาะศาลทุจริต เป็นเหมือนศาลพิเศษซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะ