
(อ่านแล้ว 5755 ครั้ง)
จากกรณีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้าย ใช้อาวุธปืนตะเวนก่อเหตุข่มขู่แล้วชิงเอาทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ซึ่งผู้เสียหายกลัวลูกสาววัยสามขวบได้รับอันตรายจึงจำใจมอบเงิน 3,000 บาท ให้กับผู้ก่อเหตุไป โดยเหตุเกิดที่ ภายในซอยพระตำหนัก 6 ใจกลางเมืองพัทยา ก่อนคนร้ายได้หลบหนีไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.36 น. วันที่ 22 เมษายน 2568 พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 พ.ต.ท.สุรเดช อิ่มใจ สว.สส.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ต.อภิชาติ จารุรักษ์ สว. ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองพัทยา ร่วมบุกจับกุม นายอุกฤษฎ์ มั่งคั่ง หรือ แมค คอลายอายุ 28 ปี บริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ ภายในซอยพัทยา 13/4 ถ.เลียบชายหาดพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยาพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม / มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต / พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาที่ จ.211/2568 ลงวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
การบุกจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณี วันที่ 20 เมษายน 2568 ได้มี น.ส.วิชญาดา นาคประสพ อายุ 21 ปี และ Ms.LILIA SAFINA สัญชาติรัสเซีย ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 68 ผู้แจ้งทั้งสอง ผู้ชายไทยไม่ทราบชื่อ-สกุล สวมเสื้อสีส้ม ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ทราบทะเบียน ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ และชิงทรัพย์ บริเวณซอยพระตำหนัก 6 โดยต่อมาทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าว คือ นายอุกฤษฎ์ มั่งคั่ง อายุ 28 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยาน หลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดพัทยาอนุมัติหมายจับที่ จ.211/2568 ลงวันที่ 22 เม.ย. 68 ให้ดำเนินการติดตาม จับกุมตัวนายอุกฤษฎ์ฯ ตามคำขอ
เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่พักของ นายอุกฤษฎ์ ตามที่สายลับได้ให้ข้อมูลแต่ไม่เจอตัว จนกระทั่งวันที่ 22 เม.ย. พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ได้รับข้อมูลจากสายลับว่าผู้ต้องหาได้กลับมาบริเวณซอย 13/4 ถนนเลียบชายหาดพัทยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ ทำการแอบซุ่มโป่งอยู่ เมื่อพบตัวนายอุกฤษฎ์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
ด้าน นายอุกฤษฎ์ ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและเป็นผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจริง โดยรับว่าได้นำอาวุธปืนมาซุกซ่อนไว้ที่เพิงพักดังกล่าวนี้ และสมัครใจนำออกมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเอง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ได้นำไปจอดไว้บริเวณฝั่งตรงข้ามเพิงพักนี้ ส่วนเสื้อที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ตนได้นำไปทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าโรงแรม ภายในซอยกอไผ่ และกางเกงได้นำไปทิ้งไว้บริเวณริมถนนพัทยาสายสาม ก่อนทางขึ้นสะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีประวัติโชกโชนต้องโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติด และปล้นทรัพย์ และเคยถูกจับดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำและถูกจับดังกล่าว
และครั้งนี้น่าจะต้องเข้าชดใช้ความผิดในเรือนจำอีกนาน ซึ่งในวันเดียวกัน Ms.LILIA SAFINA สัญชาติรัสเซีย ได้เดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ช่วยจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วทำให้ นักท่องเที่ยวประทับใจ อบอุ่นใจ ในการมาเที่ยวเมืองไทย
พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า นับเป็นการปิดคดีอีกหนึ่งคดีที่สร้างความวิตกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งทางตนเอง และเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองพัทยา จะไม่ปล่อยคนเช่นนี้ไว้ เพื่อความผาสุกของประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ว่าจะกลับมาประเทศไทยอีกแน่นอน










