เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ตลาดสี่มุมเมือง จับมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจังหวัดปทุมธานี จัดงาน “สี่มุมเมือง ไทยฟรุตเฟส 2025” ระหว่างวันที่ 12–15 มิถุนายน 2568 ณ ตลาดผลไม้รวม สี่มุมเมือง โดยมี นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และนางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง ร่วมเปิดงาน อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและยกระดับรายได้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน ภายในงานมีผลไม้คุณภาพระดับประเทศ ทั้งผลไม้ฤดูกาลจากภาคตะวันออกและใต้ ผลไม้ป่า ผลไม้โบราณหายาก ตลอดจนผลไม้เศรษฐกิจพันธุ์ใหม่อย่างฝรั่งหงเปาสือ และเสาวรสหวาน ที่สะท้อนอัตลักษณ์และศักยภาพสวนผลไม้ไทยอย่างแท้จริง

โดยนางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า คาดว่าเทศกาลผลไม้ 2025 จะ เชื่อมโยงผลไม้ไทยจากสวนถึงผู้บริโภคอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นผลไม้เฉพาะถิ่น ผลไม้ส่งออก หรือผลไม้ยอดนิยมประจำฤดูกาลด้วยพื้นที่โซนตลาดผลไม้ขนาดใหญ่กว่า 50,000 ตารางเมตร ต่อเนื่องยาวตลอด 7 อาคาร และมีมากกว่า 1,700 แผงค้า พร้อมที่จอดรถสะดวกสบายทุกโซนตลาด สินค้าครบ และเปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้สะท้อนบทบาทของตลาดสี่มุมเมืองในฐานะตลาดค้าส่งผลไม้ชั้นนำของประเทศ รองรับทั้ง กลุ่มผู้ซื้อปลีก (B2C) กลุ่มนักท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพ (B2B) ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) พร้อมขานรับนโยบายการค้าของรัฐ และยกระดับศักยภาพของตลาดผลไม้ไทยสู่เวทีภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ ถือเป็น “ปีทองของผลไม้ตะวันออก” โดยมีผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นถึง 29% หรือราว 1.29 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะมังคุดที่เพิ่มขึ้นถึง 43% ขณะที่เงาะและลองกองก็เติบโตตามลำดับ ซึ่งช่วงพีคของผลไม้จะอยู่ในเดือนพฤษภาคม คิดเป็นกว่า 41% ของผลผลิตรวมตลอดปี ทั้งนี้คาดว่าจะมีผลผลิตเข้ามาจำหน่ายที่ตลาดสี่มุมเมืองมากถึง 2,700 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 121.5 ล้านบาท สะท้อนถึงความคึกคักของตลาดผลไม้ไทยฤดูกาลนี้

ซึ่งภายในงาน “สี่มุมเมือง ไทยฟรุตเฟส 2025” ครบทั้งของหายาก ของดีประจำฤดูกาล และสายพันธุ์ยอดนิยมจากแหล่งผลิตคุณภาพทั่วประเทศ โดยเฉพาะในโซน “ตลาดผลไม้รวม สี่มุมเมือง” ที่มีผลไม้หมุนเวียนมาให้เลือกซื้อได้ตลอดทั้งปี เริ่มต้นด้วยผลไม้ป่าและผลไม้ไทยโบราณที่หายาก ได้แก่ มะม่วงหาวมะนาวโห่ ตะคร้อป่า มะขามป้อม รวมถึงผลไม้ที่ไม่ค่อยพบในตลาดทั่วไปอย่าง สมอ ลูกไหน มะขามเทศ มะเฟือง มะม่วงเบา ที่ให้รสชาติโดดเด่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ตามมาด้วยผลไม้ฤดูกาลช่วงสั้น ซึ่งมีเฉพาะบางช่วงของปีเท่านั้น อาทิ มะยงชิด มะปราง น้อยหน่า ส้มเช้ง ลิ้นจี่ ลำไย องุ่นไทย ล้วนให้รสชาติสดชื่นตามธรรมชาติ สำหรับไฮไลท์ของงาน เป็นการ จัดกิจกรรม โกยผลไม้ในราคา 20 บาท ใช้เวลา 10 วินาที มีประชาชนที่สนใจนำอุปกรณ์หลากหลายชนิดเข้ามาร่วมโกยผลไม่จำนวมาก โดยกิจกรรมจะแบ่งเวลาออกเป็นช่วง เวลา 3 เวลาด้วยกัน ประกอบด้วย 11.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. ระหว่างวันที่ 12–15 มิถุนายน 2568